วันศุกร์, กุมภาพันธ์ 26, 2553

อาการปวดศีรษะไมเกรนกับการมีรอบเดือน




โดยเฉลี่ยแล้ว มีสถิติออกมาว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของผู้มีอาการปวดศีรษะข้างเดียวหรือที่เรียกว่าไมเกรน (Migraines) จะเป็นผู้หญิง และใน 60 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มนี้ จะมีอาการปวดศีรษะและเกิดขึ้นในช่วงที่มีรอบเดือน

ารปวดศีรษะของสาวๆ มีผลพวงที่เกิดมาจากการเปลี่ยนแปลงระดับที่ลดต่ำลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ผลิตจากรังไข่ ในระหว่างหรือหลังการมีประจำเดือนนั่นเองค่ะ อาการนี้มักจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่อายุประมาณ 14 ปีขึ้นไป โดยปวดศีรษะข้างเดียว ลักษณะปวดเป็นแบบปวดตุ้บๆ หรือแปล๊บๆ ตำแหน่งที่ปวดอาจจะแตกต่างกัน เช่น กระบอกตา ขมับท้ายทอย หรือทั่วศีรษะ หรือสลับข้างซ้ายขวาอย่างรุนแรง บางครั้งอาจทำให้คลื่นไส้หรืออาเจียนได้

วิธีในการป้องกันและลดความรุนแรง ควรเริ่มจากการออกกำลังกายเป็นประจำ สม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายสร้างสารต่อต้านความเจ็บปวด หรือที่เราคุ้นเคยกับคำว่า เอ็นดอร์ฟิน นั่นเองค่ะ เอ็นดอร์ฟินมีโครงสร้างคล้ายกับโครงสร้างของมอร์ฟีนจึงมีสรรพคุณเหมือนเป็นยาแก้ปวดอย่างดีเลยทีเดียว ขณะเดียวกันการออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยให้นอนหลับสบาย ระบบฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายปรับตัวสมดุล เมื่อภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลในช่วงมีประจำเดือนลดลง จะส่งผลให้อาการปวดศีรษะไมเกรนลดลงด้วย

นอกจากนั้นควรลดตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดไมเกรนลง เช่น ลดความเครียด ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ รับประทานยาในกลุ่มแอนตี้พรอสตาแกลนดินที่ช่วยลดอาการปวดศีรษะไมเกรนในช่วง ที่มีประจำเดือนได้ แต่ทั้งนี้ก็ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา โดยเฉพาะผู้มีปัญหาเกี่ยวกับโรคกระเพาะอาหารนะคะ

ใน การรักษาอาการปวดศีรษะไมเกรนช่วงที่มีรอบเดือน ควรจะดูแลเรื่องการรับประทานอาหารเพิ่มเติมด้วย มีตัวอย่างอาหารบางประเภทที่เป็นของโปรดของสาวๆ แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันอาการปวดดังนี้ค่ะ

-กาเฟอีน มักจะพบในชาและกาแฟ

-สารแทนนินและไทรามีน สารแทนนินเป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่ในอาหาร เช่น ชา กาแฟ ช็อกโกแลต ไวน์แดง ส่วนสารไทรามีนเป็นสารลดระดับ
เซโรโทนินในร่างกาย ซึ่งมีอยู่ในกล้วยสุกงอม ช็อกโกแลต เบียร์ เมล็ดพืชบางประเภท และถั่วต่างๆ

-เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

-น้ำตาลเทียม ผงชูรส และสารเจือปนอาหารอื่นๆ

ส่วนอาหารที่ช่วยลดความรุนแรงและความถี่ของไมเกรน ได้แก่ อาหารที่มีวิตามินบี 12 สูง เช่น เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ นม เนยแข็ง

วันอังคาร, กุมภาพันธ์ 16, 2553

เตือนภัยจาก ยาทาเล็บ




สัญญาณ เบื้องต้นที่บ่งบอกความเป็นอันตรายของยาทาเล็บคือกลิ่นเหม็นรุนแรงที่โชยออก มาเมื่อเปิดฝา อันเกิดจากการผสมกันของแอลกอฮอล์ โซลเวนต์หรือสารอินทรีย์ระเหยที่ใช้เป็นตัวทำละลายซึ่งช่วยให้ยาทาเล็บแห้ง เร็ว และเรซิ่นที่ทำให้สีของยาทาเล็บติดทนทาน ไม่ลอกล่อนโดยง่าย

* มีสารพิษ 3 ชนิดปะปนอยู่ในยาทาเล็บทั่วไป คือ ไดบิวทิล พทาเลต สารประกอบไทลูอิน และฟอร์มาลดีไฮด์

* ไดบิวทิล พทาเลต เป็นปัจจัยเพิ่มอัตราการเป็นหมันในหญิงและชาย ในระยะยาวจะส่งผลต่อไตและตับ

* ไท ลูอิน ไม่เพียงรบกวนการเจริญเติบโตและระบบสืบพันธุ์ แต่ยังสร้างความระคายเคืองผิวหนังและส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้เหนื่อย สับสน และสูญเสียความทรงจำ หากสูดดมมากๆ จะมีอาการหน้ามืด ตาลาย ปวดศีรษะ

* ฟอร์มา ลดีไฮด์ หากสัมผัสกับผิวหนังจะปรากฏเป็นผื่นแพ้และคัน หากสูดดมเข้าไปในระยะสั้นจะสร้างความระคายเคืองในลำคอและไอ ในระยะยาวทำให้เป็นมะเร็งในระบบทางเดินหายใจ

* สีในยา ทาเล็บส่วนใหญ่เป็นสีสังเคราะห์ ส่วนยาทาเล็บที่ผลิตด้วยสีธรรมชาติก็จำเป็นต้องเติมแร่ไมกาเพื่อเพิ่มประกาย แวววาว สิ่งที่คุณอาจไม่รู้ก็คือ การทำเหมืองไมกามีการใช้แรงงานเด็กและผู้หญิง

* นอกจาก ยาทาเล็บแล้ว น้ำยาล้างเล็บก็อันตรายไม่เบา ยิ่งทาเล็บติดทนนานเพียงใด ยิ่งต้องใช้น้ำยาที่ผสมด้วยตัวทำละลายเข้มข้นสูง จึงมีฤทธิ์มากพอจะล้างสีออกจากเล็บได้ง่ายดาย

* น้ำยาล้างเล็บส่วนใหญ่มีส่วนผสมสารเคมี 2 ชนิด คือ อะซิโตน และเอทิลอะซิเตต ซึ่งต่างก็สร้างความระคายเคืองแก่ดวงตาและระบบทางเดินหายใจ ไม่เพียงเท่านั้นยังทำให้ผิวหนังแห้งและลดทอนความแข็งแรงของเล็บอีกด้วย

วันเสาร์, กุมภาพันธ์ 13, 2553

ดอกไม้ วันวาเลนไทน์




มนุษย์ได้ใช้ดอกไม้เป็นสื่อใน การแสดงความรักต่อกันมานานแล้ว เราอาจจะคิดว่าดอกไม้เป็นสิ่งที่สามารถใช้สื่อความหมายเฉพาะความรักของหนุ่ม สาวเท่านั้น แต่แท้จริงแล้ว ดอกไม้แต่ละชนิดสามารถสื่อความรักได้หลาย รูปแบบ ทั้งยังไม่จำกัดอายุและเพศอีกด้วย


• กุหลาบตูม หมายถึง ความรักและความเยาว์วัย

•กุหลาบบาน หมายถึง ความรักที่กำลังเบ่งบาน ความอ่อนหวาน สดชื่น

•กุหลาบดำ หมายถึง ความรักนิรันดร์

•กุหลาบแดง (red rose) : จะใช้ ในความหมายแทน ประโยคที่ว่า "ฉันรักเธอ" การให้ดอกกุหลาบแดงกับคนที่รักความ หมายถึงความรักอันลึกซึ้ง จริงจัง กุหลาบแดงจึงมักจะเป็นดอกไม้ ที่ชายหนุ่มให้หญิงสาวที่ตนเองตั้งใจจะใช้ชีวิตร่วมกัน

•กุหลาบขาว (white rose) : สีขาวเป็นสีแห่งความบริสุทธ์ กุหลาบขาวจึงแทนความหมายแห่งความรักอันบริสุทธิ์ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน ดังนั้นมันจึงสามารถใช้แทนความรักของคนต่างวัย ความรักต่อพ่อแม่ เพื่อน หรือคนที่เรารู้สึกดีด้วยอย่างบริสุทธิ์ใจได้

•กุหลาบชมพู (pink rose) : มักถูกใช้แทนความรักแบบโรแมนติก และความเสน่หาต่อกัน การให้ดอกกุหลาบสีชมพูสามารถแสดงถึงความรัก ที่กำลังเริ่มงอกงามในใจ และสามารถพัฒนาต่อไปเป็นความรักที่ลึกซึ้งได้

•กุหลาบเหลือง (yellow rose) : สีเหลืองเป็นสีแห่งความสดใส กุหลาบสีเหลืองถูกใช้สำหรับแทนความรักแบบเพื่อน และความ สนุกสนานรื่นเริงจึงมักจะนำมันมาประดับตะกร้าสำหรับเยี่ยมผู้ป่วย เพื่อทำให้คนป่วยรู้สึกสดชื่นรื่นเริงขึ้นนั่นเอง

•สำหรับดอกไม้อื่น ๆ ที่ถูกมาใช้แทนความหมายแห่งความรักก็มี ดอกทิวลิบสีแดง (red tulib) ชาวตะวันตกใช้มันแทนการประกาศความรัก อย่างเปิดเผย คล้าย ๆ กับดอกกุหลาบแดง

•ดอกคาร์เนชั่นสีชมพู (pink carnation) ใช้สื่อความหมายว่า "ถึงอย่างไรผมก็ยังรักคุณ" หรือ "คุณยังอยู่ในหัวใจฉันเสมอ"

•ดอกลิลลี่สีขาว (white lilly) แสดงความรักแบบบริสุทธ์ เช่นเดียวกันกับดอกกุหลาบขาว นอกจากนั้นลิลลี่สีขาวยังแสดงถึงความรักแบบอ่อนหวานจริงใจ และเทอดทูน และมักถูกใช้แทนประโยคที่ว่า "ฉันรู้สึกดี ๆ ที่ได้ได้รู้จัก และอยู่ใกล้คุณ "

•สำหรับดอก forget-me-not มีความหมายตรงตัวคือได้โปรดอย่าลืมฉัน และอย่าลืมความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้กัน

•มาถึงดอกไม้ที่เห็นได้ทั่วไปในบ้านเราบ้างดอกทานตะวัน (sunflower) มีความหมายถึงความรักแบบคลั่งไคล้ ความรักแบบบูชา แต่สำหรับชาวตะวันตก ดอกทานตะวันจะหมายถึงความเข้มแข็งอดทน จึงสามารถใช้แทนความรักที่ต้องฝ่าฟันกว่าจะได้ความรักมา

วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 08, 2553

รู้จักเส้นเลือดและวิธีหยุดเลือด





เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้แม้ไม่ประมาทและมักทำให้เกิดเลือดตกยางออกอยู่เสมอ ขอแนะนำวิธีการห้ามเลือดอย่างถูกต้อง แต่ก่อนจะเรียนรู้เทคนิคการห้ามเลือด เราควรทราบเรื่องราวของเส้นเลือดก่อน

เส้นเลือดแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ประกอบด้วย

เส้นเลือดแดง
เป็นเลือดที่ไหลออกมาจากหัวใจเพื่อไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย หากเกิดแผลที่ทำให้เลือดออกจากเส้นเลือดชนิดนี้จะห้ามเลือดยาก โดยเลือดจะทะลักออกตามจังหวะการเต้นของหัวใจ เลือดจะเป็นสีแดงและไม่เกิดลิ่มเลือด

เส้นเลือดดำ
เมื่อเกิดแผลเลือดที่ไหลออกมาจะมีสีคล้ำ ไหลแบบริน ๆ ไม่เร็ว ไม่ช้า เนื่องจากเป็นเลือดที่อวัยวะต่าง ๆ ใช้ออกซิเจนแล้วกำลังส่งกลับไปยังหัวใจ

เส้นเลือดฝอย
เส้นเลือดที่เชื่อมโยงเป็นตาข่ายระหว่างเส้นเลือดแดงกับเส้นเลือดดำ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเป็นแผลแล้วเลือดออกจากเส้นเลือดชนิดนี้ โดยเลือดจะซึมออกมาช้า ๆ สามารถห้ามเลือดได้ง่าย

วิธีการห้ามเลือด ทำ ได้ง่ายที่สุดคือการใช้นิ้วหรือฝ่ามือกดลงบริเวณปากแผล ซึ่งจะต้องเป็นแผลถลอก ขนาดเล็ก ตื้น ๆ แต่ถ้าสามารถหาสำลีหรือผ้าสะอาดก็ให้นำมาใช้ปิดปากแผลเพื่อปฐมพยาบาลเบื้อง ต้น หากแผลใหญ่เลือดไหลออกมาก ควรใช้วิธีขันชะเนาะ และควรคลายเชือกทุก 15 นาที เพื่อให้เลือดสามารถไหลเวียนไปเลี้ยงเซลล์ได้ อย่างไรก็ตาม การขันชะเนาะนิยมใช้เมื่อบาดแผลเกิดขึ้นบริเวณแขนหรือขา

วิธีขันชะเนาะ เริ่ม จากใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าที่หาได้พับเป็นเบาะสี่เหลี่ยมวางบนเส้นเลือด แดงบริเวณแขนหรือขา จุดที่คลำชีพจรพบ จากนั้นใช้ผ้าหรือเชือกพันรอบแขนหรือรอบขาบนเบาะราวสองรอบแล้วผูกเงื่อน 1 ครั้ง สอดท่อนไม้ก่อนผูกเงื่อนตายซ้ำอีกทบ

ลำดับต่อมาให้หมุนท่อนไม้ไปรอบ ๆ เงื่อนที่ผูกไว้อีกหลายครั้ง ถือเป็นการขันชะเนาะจนเลือดหยุดไหล แล้วผูกปลายอีกด้านของท่อนไม้เข้ากับแขนหรือขาป้องกันเกลียวคลายหลุดออก.

วันพุธ, กุมภาพันธ์ 03, 2553

ความสะอาดของห้องน้ำสาธารณะ



ขึ้นชื่อว่า 'ห้องน้ำสาธารณะ' ย่อม อธิบายภาพของการเป็นสถานที่ให้บริการที่เป็นของใช้ส่วนรวมได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าการใช้บริการห้องน้ำสาธารณะ เช่น ตามห้างสรรพสินค้า และสวนสาธารณะต่างๆ ในปัจจุบันต้องใช้ความระมัดระวังสูง เพราะยังขาดมาตรฐาน เนื่อง จากการใช้บริการห้องน้ำสาธารณะมีความเสี่ยงในการติดโรคได้ เพราะห้องน้ำสาธารณะส่วนใหญ่มีผู้คนมาใช้บริการมากหน้าหลายตา ทำให้ไม่ค่อยสะอาด และมีโอกาสที่จะติดโรคได้ เช่น เริม ซึ่งพิสูจน์ยากว่าติดต่อจากการใช้บริการห้องน้ำสาธารณะ ซึ่งเป็นโรคที่สามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นส่วนใหญ่ ถ้าผู้ใช้บริการห้องน้ำสาธารณะมีแผลเริมอยู่ ถ้าแผลเปิด และเมื่ออีกคนเข้าไปใช้ต่อทันที ก็มีสิทธิ์ที่จะติดเชื้อได้

นอกจากนี้เชื้อโรคอื่นๆ เช่น อหิวาตกโรค หรือไข้รากสาด ถ้าคนที่เข้าห้องน้ำถ่ายอุจจาระแล้วไม่ได้ล้างมือให้สะอาด เกิดมีอุจจาระปนเปื้อนบริเวณมือ เมื่อมือไปจับก๊อกน้ำและจับลูกบิด คนที่ไปจับต่อมาแล้วไปสัมผัสถูกปากหรือน้ำลายก็มีโอกาสได้รับเชื้อเช่นกัน

ส่วนโอกาสที่จะได้รับเชื้อจากห้องน้ำสาธารณะที่มีทั่วไปในกรุงเทพฯ นั้น ต้องยอมรับว่าส่วนใหญ่ห้องน้ำสาธารณะส่วนใหญ่จะสกปรก ไม่มีน้ำราด น้ำไม่ไหล หรือแม้กระทั่งไม่มีถังทิ้งกระดาษชำระ ดังนั้นหากจะใช้บริการห้องน้ำสาธารณะต้องระมัดระวังถึงเรื่องของความสะอาดและความปลอดภัยซึ่งเป็นสิ่งสำคัญไว้ด้วย

ส่วนวิธีการป้องกันเชื้อโรคจากห้องน้ำสาธารณะนั้น น้องๆ สามารถทำได้ง่ายๆ โดยการรู้จัก ล้างมือและชำระล้างสิ่งสกปรกหรือเชื้อโรคจากร่างกายที่อาจได้รับจากการเข้า ห้องน้ำสาธารณะ ก่อนที่จะมาสัมผัสส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ขยี้ตา หรือจับปาก จับจมูกต้องล้างมือให้สะอาดเรียบร้อยก่อน ก็จะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้